MGT Q1/68 รายได้ 70.17 ลบ.กำไร 5.60 ลบ. เป้าหมายโต 30%
MGT Q1/68 รายได้ 70.17 ลบ.กำไร 5.60 ลบ. เป้าหมายโต 30%
MGT โชผลงาน Q1/68 รายได้ 70.17 ลบ.กำไรขั้นต้น 104.44 พุ่ง 21.7% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5.60 ลบ.ร้อยละ 20.81กลยุทธ์การร่วมมือกับลูกค้ารายใหญ่ ในการพัฒนาสินค้าชนิดใหม่ๆเพิ่มขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร การปรับเปลี่ยนสู่องค์กรอัจฉริยะ AI ออเดอร์สั่งซื้อเคมีภัณฑ์ยุโรป ญี่ปุ่นไหลเข้า เจาะสินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ABi เป้าหมายเติบโต 30%
ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) MGT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า รายได้ในไตรมาสที่ 1/2568 ที่ 70.17 ล้านบาท เติบโต 28.95% และมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 14.38 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ13.62 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2567 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2567 บริษัท มีกำไรสุทธิเพิ่มข้น 4.35 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.49
ผลการดำเนินงานของบริษัท ไตรมาสที่ 1/2568 บริษัทฯยังคงสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่บริษัทใช้กลยุทธ์การร่วมมือกับลูกค้ารายใหญ่ ในการพัฒนาสินค้าชนิดใหม่ๆเพิ่มขึ้นจึงเป็นปัจจัยบวกกับบริษัท
สำหรับ ปี 2568 บริษัทฯวางเป้าหมายการเติบโตของยอดชายที่ 1,300 ล้านบาท กำไรประมาณ 10% และทิศทางรายได้รวมทั้งปีนี้ บริษัทมั่นใจจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย หรือเติบโต 30% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบ Organic นอกจากนี้ MGT ยังมีบริษัทในเครือ ประกอบไปด้วย บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด บริษัท กรีน ลีฟ เคมีคอล จำกัด บริษัท เมกา ฟูจิ กราไฟท์ จำกัด และบริษัท Megachem (Myanmar) Ltd.
ส่วนความคืบหน้า บริษัท เมกา ฟูจิ กราไฟท์ จำกัด การติดตั้งเครื่งจักรใกล้เสร็จแล้ว คาดว่าสามารถผลิตสินค้าได้ประมาณเดือนกันยายน 2568 นี้ ซึ่งมีออเดอร์ลูกค้าญี่ปุ่น ยุโรปมารอรับอยู่แล้ว ส่วนฟู้ด ไบโอเทค ต้องรอดูสถานการ์ของตลาดโลกที่มีผันผวนอ่อนไหวตามจีโอโพลิติกส์ระหว่างสหรัฐ และจีน
อย่างไรก็ตาม โดยทุกๆ บริษัทในเครือมีซัพพลายเออร์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายในการหาซัพพลายเออร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีน อินเดีย เกาหลี อินโดนีเซีย และเวียดนาม ส่วนญี่ปุ่นเคยมีซัพพลายเออร์เข้ามาบ้าง แต่ด้วยคุณภาพสินค้าสูง ทำให้ราคาสูงสอดคล้องกันไป เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มผลกำไรอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ ยังคงรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น และบริษัทฯต่อไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามความเสี่ยงทางด้านการค้า เช่น สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย อิสราเอล กับฮามาสและตะวันออกกลาง อาจจะกระทบต่อบริษัทในทุกๆ ด้าน